Subscribe:

DekvanzClub

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตะลุยแดนโสมกับฮุนได(1)

บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้เชิญไปร่วมงาน "Journey to the World of Hyundai :Thai Journalists in Namyang' Korea 2011" ซึ่งจัดขึ้นสำหรับสื่อมวลชนสายยานยนต์ของประเทศไทยโดยเฉพาะเป็นครั้งแรก เพื่อไปสัมผัสกับรถยนต.ฮุนไดในอนาคตอย่างใกล้ชิด และชมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ความยิ่งใหญ่ของบริษัท ฮุนได มอเตอร์ คอมปานี ค่ายรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเวลา 5 วัน 3 คืน  ก่อนการเดินทาง นายสฤษฏ์พร สกลรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดและวางแผนผลิตภัณฑ์ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้เชิญคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 2 จำนวน 40 คน ซึ่งจะเดินทางไปในคืนวันที่ 25-29 กรกฎาคม มาพบปะหารือเตรียมความพร้อมกันก่อนจะออกเดินทาง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น วันแรกของการเดินทาง เริ่มต้นในคืนวันที่ 25 ก.ค. นัดเจอกันที่ชั้น 4 ประตู 5 ของสนามบินสุวรรณภูมิ ตอน 2 ทุ่มครึ่ง เพื่อเช็คอินเข้าด่าน ตม.แล้วแวะหาอะไรกินรองท้องกันก่อนที่จะขึ้นเครื่องในตอน 5 ทุ่ม 45 ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ทางคณะใช้บริการของสายการบินเอเชียนา แอร์ไลน์ ของเกาหลีใต้ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงสนามบินอินชอน ตอน 6 โมงเช้า ตามเวลาของประเทศเกาหลีใต้ที่เร็วกว่าของไทยประมาณ 2 ชม. เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้ คณะสื่อมวลชนของไทยก็ผ่านกันอย่างง่ายดายด้วยบัตรประจำตัวที่ทางบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดทำให้ทุกคน แค่ยืดอกให้เจ้าหน้าที่เห็นเป็นบัตรของฮุนไดก็ผ่านฉลุยได้จริงๆ  วันที่สอง 26 ก.ค. ออกจากสนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ทั้งคณะมาแวะกันที่ Harborpark Hotel จัดการกับภารกิจส่วนตัว แล้วออกเดินทางกันต่อไปยังเกาะนามิ เมืองชุนชอน จังหวัดคังวอน ก่อนที่จะขึ้นเรือไปที่เกาะนามิ ก็แวะทานอาหารกลางวันกันก่อน กับอาหารที่ขึ้นชื่อว่า ทัคคาลบี้ เป็นไก่บาร์บีคิว ผัดกับซอสเกาหลีรวมกับผักในกระทะแบนๆ ที่ต้องช่วยกันผัด พอไก่เริ่มจะสุกก็มีข้าวมาให้ด้วย ตอนแรกก็นึกว่าจะตักแบ่งกันคนละถ้วยที่ไหนได้พอมาถึงก็เทใส่กระทะลงไปผัดรวม กันกับไก่ที่ผัดไว้ รสชาติก็พอถูกลิ้นของคนไทยที่ออกเผ็ดจากพริกในส่วนผสมของน้ำซอสที่ใช้ผัด สนุกกับการผัดและอิ่มท้องกันแล้ว ทั้งคณะก็ออกเดินทางกันต่อไปที่ท่าเรือเพื่อข้ามฟากไปเกาะนามิ ประตูด่านแรกก็พบกับภาษาไทยที่เขียนว่ายินดีต้อนรับ ที่ตัว ต.เต่า ดูเหมือนกับตัว ด.เด็ก มาก ขึ้นเรือก็พบธงชาติของประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยที่อยู่ใกล้ชิดกับธงชาติเกาหลี ก็เพราะคนไทยมาเที่ยวที่เกาะแห่งนี้กันมาก เพราะหนังซีรีส์เกาหลี Winter Love Song หรือเพลงรักในสายลมหนาว ทำให้คนไทยอยากเห็นสถานที่ถ่ายทำกันนั่นเอง  เกาะนามิเกิดจากการสร้างเขื่อนชองพยอง เป็นเกาะรูปใบไม้ลอยอยู่เหนือแม่น้ำฮัน เป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะมาออกเดทด้วยกัน และยังเป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัวในช่วงวันหยุด ที่พ่อแม่จูงลูกหลานมาเที่ยวกัน  ข้ามฝั่งกลับจากเกาะนามิก็มุ่งตรงเข้ากรุงโซลไปยังตลาดเมียนดง ซึ่งเป็นที่ถูกใจของสาวๆ ในคณะและหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่แฟนสั่งให้มาซื้อเครื่องสำอางกลับไปให้ด้วย สำหรับสาวๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่หนุ่มๆ ก็ต้องมีโพยจากเมืองไทยล่ะเพราะไม่งั้นซื้อกันไม่ถูก และที่นี่เรียกได้ว่ารู้ใจลูกค้าชาวไทย ของแจกเพียบ แบบเรียกว่าโกยกันเลยก็ว่าได้ แต่ละร้านที่เข้าไปลูกค้าแน่นร้านแทบทั้งนั้น และเป็นลูกค้าคนไทยถึง 80% นอกจากไปเลือกซื้อเครื่องสำอางแล้วก็ยังใช้เป็นที่หลบฝนด้วย เพราะฝนตกตั้งแต่ตอนลงจากรถบัส และก็ยังไม่ยอมหยุดเลย สำหรับหนุ่มๆ ที่ไม่ต้องซื้อเครื่องสำอางไปฝากใครก็เดินฝ่าสายฝนที่ยังกระหน่ำตกไปตามทาง จนเจอร้านขายรองเท้า ซึ่งขายรองเท้าเกือบทุกชนิดตั้งแต่รองเท้าแตะ รองเท้าบู๊ต และที่เยอะสุดๆ ก็รองเท้ากีฬาที่มีเกือบทุกแบรนด์ ก่อนจะออกจากตลาดเมียนดงทั้งคณะก็ขึ้นไปทานอาหารเย็นกันที่โทได ภัตตาคารซีฟู้ดบุฟเฟ่ต์ สนุกสนานกันกับอาหารทะเลสดๆ และขาปูอลาสก้ากันแบบไม่อั้น ขณะที่สาวๆ เมื่ออิ่มยังเห็นว่าพอมีเวลาก่อนที่รถบัสจะมารับยังยอมตากฝนเดินไปช็อปกัน อีกรอบ ทั้งคณะกลับเข้าโรงแรมที่พักด้วยสภาพที่เปียกกันแทบทุกคน เมื่อถึงห้องเกือบทุกคนเลยต้องใช้ไดร์เป่ารองเท้าให้แห้งที่สุดเท่าที่จะ แห้งได้ ก่อนที่จะนอนพัก เพราะอยู่บนเครื่องบินแทบไม่ได้หลับเลย   วันที่สาม 27 ก.ค. ต้องรีบตื่นกันแต่เช้าเพื่อออกเดินทางไป Hyundai R&D Center ชมศูนย์ออกแบบและทดสอบยนตรกรรมของบริษัท Hyundai เมืองนัมยาง ในช่วงเช้า และไปโรงงานหล่อเหล็กและแปรรูปเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ หรือ Hyundai Steel ในช่วงบ่าย แต่ก็ต้องเปลี่ยนโปรแกรม ตัดการเยี่ยมชมโรงงาน Hyundai Steel ออกไป เพราะฤทธิ์พายุที่พัดถล่มกรุงโซลอย่างหนัก ทำให้ทั้งคณะติดอยู่บนท้องถนนอยู่นานเกือบ 3 ชั่วโมง  คณะสื่อมวลชนไทยไปถึงศูนย์ Hyundai R&D Center ในช่วงบ่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ต้อนรับของ Hyundai พาเข้าไปยังห้องบรรยาย เพื่อกล่าวต้อนรับและสรุปภาพรวมของการทำงานในแต่ละแผนกภายในศูนย์แห่งนี้ เพื่อให้เห็นถึงนโยบายการผลิตและพัฒนารถยนต์ที่มุ่งเน้น "นวัตกรรม" และเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮุนได เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับสื่อมวลชนจากประเทศไทยที่ทั่วโลกรับรู้กันในนาม Detroit of Asia และแนวทางในอนาคตของรถยนต์แบรนด์ฮุนไดที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี และการเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบ จนถึงการผลิตรถยนต์ แทนการทำตลาดด้วยรถยนต์ที่สามารถแข่งขันทางราคาเพียงอย่างเดียว ศูนย์พัฒนาวิจัยขนาด 3.47 ล้านตารางเมตร ประกอบไปด้วยส่วนสำคัญต่างๆ ในการพัฒนารถยนต์ที่ทันสมัย ตั้งแต่อุโมงค์ลม ขนาด 6x8 เมตร มีขนาดใหญ่รองรับการทดสอบในหลายรูปแบบทั้งด้านสมรรถนะ และความสบายในการเดินทาง ลานทดสอบสภาพถนนในทุกประเภทตั้งแต่ถนนวงแหวน ทดสอบความเร็วสูงสุดไปจนถึงถนนขรุขระเพื่อวัดเสียงและความทนทานของช่วงล่าง ห้องทดสอบการชน หรือ crash test center ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของความปลอดภัยภายในห้องโดยสาร  ฮุนไดได้มุ่งเน้นการพัฒนารถยนต์หลัก 3 ส่วน คือ 1.เทคโนโลยีเครื่องยนต์ในรูปแบบต่างๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Eco-Technology อาทิ รถยนต์ที่ให้มลพิษเป็นศูนย์เพื่อโลกสีเขียว, รถยนต์ไฮบริดใช้ก๊าซ LPG ผสมมอเตอร์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Fuel Cell, 2.การพัฒนาของรถยนต์ฮุนไดมุ่งเน้นไปที่การสร้างความปลอดภัยให้กับห้องโดยสาร และโครงสร้างของรถยนต์ ด้วยการทดสอบการชน หรือ crash test ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในศูนย์พัฒนาวิจัยจนมั่นใจว่ารถยนต์ฮุนไดสามารถผ่านการรับรอง ในระดับสูงสุดของแต่ละสถาบันได้ การผลิตเหล็กคุณภาพสูงที่ใช้กับตัวถังรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งของการลงทุนระยะ ยาวของฮุนได มอเตอร์กรุ๊ป ซึ่งเป็นที่มาของบริษัท Hyundai Steel ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาและผลิตเหล็กเพื่อตอบสนองการผลิตรถยนต์ ทำให้ฮุนไดเป็นค่ายรถยนต์ชั้นนำของโลกแห่งเดียวที่มีโรงผลิตเหล็กเป็นของตน เองซึ่งในปัจจุบันมีโรงถลุงเหล็กขนาดใหญ่เป็น 1 ใน 20 ของโลก และ 3.การพัฒนาแอโร่ไดนามิกส์ของรถยนต์ เพื่อสมรรถนะการเกาะถนน ความประหยัด และความสบายในห้องโดยสาร ด้วยการใช้อุโมงค.ลม หรือ Wind Tunnel ขนาดใหญ่ ที่มีใบพัด ขนาด 6x8 เมตร ที่ช่วยให้สามารถทดสอบรถยนต์ได้ในหลายลักษณะ เพื่อสอดคล้องกับการออกแบบที่ลื่นไหลภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ของ Fluidic Sculpture Design ที่นับว่าเป็นต้นแบบของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของฮุนได ไม่ว่าจะเป็น Tucson, Sonata Sport, Avante และ Accent ใหม่ นอกจากนี้การพัฒนารถยนต์ในอุโมงค์ลมยังครอบคลุมในส่วนของการลดเสียงรบกวนภาย ในห้องโดยสารอีกด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของคุณภาพที่สามารถหาได้ในรถยนต์ระดับชั้นนำของโลก นอกจากนี้ศูนย์ R&D Center ของฮุนไดแห่งนี้ยังได้เปิดส่วนใหม่ที่เป็นมิวเซียม ซึ่งตัวอาคารออกแบบทุกส่วนตามแนวคิดเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเก็บเรื่องราวประวัติความเป็นมาของฮุนไดไว้ให้ศึกษากันอีกด้วย  ค่ำคืนของวันนั้น ประธานบริษัท ฮุนไดมอเตอร์ คอมปานี ประเทศเกาหลี ได้จัดเลี้ยงขอบคุณให้กับสื่อมวลชนไทย จนทำให้คณะชาวไทยรู้รสชาติของโซจู เหล้าเกาหลี ที่สนุกสนานกับการดื่ม แต่มาออกฤทธิ์ตอนเดินทางกลับที่พัก เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับไปกันหลายคน จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นก็ยังมีอาการอยู่

บรรยายใต้ภาพ
คณะสื่อมวลชนไทย
คู่รักที่เกี่ยวก้อยมาเที่ยวเกาะนามิ
ศูนย์ Hyundai R&D Center
อุโมงค์ลมขนาคใหญ่ ที่มีใบพัคขนาค 6X8 เมตร
ป้ายยินคีต้อนรับที่ท่าเรือ
รูปปั้นพระนางจากซีรีส์ Winter Love Song

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

จากลิ้ง http://www.dekvanzclub.in.th/smf/?topic=10122.msg11686;topicseen#msg11686

Credit : DekvanzClub

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น